ความสามารถด้านภาษา
ความสามารถด้านภาษา (Literacy) หมายถึง ความสามารถในการอ่าน เพื่อรู้ เข้าใจ วิเคราะห์ สรุปสาระสำคัญ ประเมินสิ่งที่อ่านจากสื่อประเภทต่างๆ รู้จักเลือกอ่านตามวัตถุประสงค์ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันและการอยู่ร่วมกันในสังคม ใช้การอ่านเพื่อการศึกษาตลอดชีวิต และสื่อสารเป็นภาษาเขียนได้ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาและอย่างสร้างสรรค์
คำสำคัญ(Key characteristics)
1. ความสามารถในการอ่าน หมายถึง พฤติกรรมการรู้ ความเข้าใจ การสรุปสาระสำคัญ การวิเคราะห์ และการประเมินได้
2. รู้ หมายถึง ความสามารถบอกความหมาย เรื่องราว ข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ต่างๆ
3. เข้าใจ หมายถึง ความสามารถในการแปลความ ตีความ ขยายความ และสรุปอ้างอิง
4. สรุปสาระสำคัญ หมายถึง ความสามารถในการสรุปใจความสำคัญของเนื้อเรื่องได้อย่างสั้น ๆ กระชับ และครอบคลุม
5. วิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการแยกแยะเรื่องราว ข้อเท็จจริง เหตุผล ข้อคิดเห็น คุณค่า และส่วนประกอบอื่น ๆ
6. ประเมิน หมายถึง ความสามารถในการตัดสินความถูกต้อง ความชัดเจน ความเหมาะสม คุณค่า ตามเกณฑ์ที่กำหนด
7. สื่อประเภทต่างๆ หมายถึง สิ่งที่นำเสนอเรื่องราวและข้อมูลต่างๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ทั้งที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนำเสนอข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน นิทาน เรื่องเล่าสั้น ๆ บทเพลง บทร้อยกรอง และสาระความรู้จากบทเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ
8. เลือกอ่านตามวัตถุประสงค์ หมายถึง สามารถพิจารณา กลั่นกรอง คัดสรรสิ่งที่จะอ่าน ตามจุดมุ่งหมาย
9. นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึง สามารถเลือกนำความรู้ ความเข้าใจ สาระสำคัญ ความคิด และข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์และประเมิน ไปใช้เป็นประโยชน์ใน การแก้ไขปัญหา การตัดสินใจ หรือตามจุดมุ่งหมายอันเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
10. การศึกษาตลอดชีวิต หมายถึง การใช้ความสามารถในการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
11. สื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ และความคิด จากการอ่าน โดยการบอกเล่าหรือเขียน อธิบาย วิเคราะห์ หรือประเมิน
12. สร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถในการแสดงความรู้และความคิดใหม่จากการอ่าน เป็นภาษาเขียนที่ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษา
ระดับความสามารถชั้นปี ป.3
สามารถอธิบายความหมายจากเรื่องที่อ่านในสื่อประเภทต่างๆ คาดคะเนเหตุการณ์ เขียนสรุปเรื่องราว และข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน วิเคราะห์ และสื่อสารแสดงความคิดเห็นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสร้างสรรค์
ตัวชี้วัด
๑. อธิบายความหมายจากเรื่องที่อ่าน
๒. คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อาน
๓. สรุปเรื่องราวและข้อคิดจากเรื่องที่อ่าน
๔. วิเคราะห์เรื่องที่อ่านได้อย่างถูกต้อง
๕. นำข้อคิดที่ได้จากเรื่องที่อ่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน
6. สื่อสารความคิดเห็นจากเรื่องที่อ่านอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์
คำสำคัญ(KC)
1. อธิบายความหมายจากเรื่องที่อ่าน หมายถึง ความสามารถในการขยาย เพิ่มเติมความรู้ หรือข้อคิดเห็นที่ได้จากการอ่านเรื่องที่เหมาะกับระดับชั้นเรียนและตามความสนใจของนักเรียน โดยการตอบคำถามด้วยการเขียนหรือด้วยวิธีการสื่อสารอื่นๆ ได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
2. สื่อประเภทต่างๆ หมายถึง สิ่งที่นำเสนอเรื่องราวและข้อมูลต่างๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ทั้งที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนำเสนอข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน นิทาน เรื่องเล่าสั้น ๆ บทเพลง บทร้อยกรอง และสาระความรู้จากบทเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ
3. คาดคะเนเหตุการณ์ หมายถึง ความสามารถในการคิดคาดเหตุการณ์ เวลา ทิศทาง และผลที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้ความรู้ ประสบการณ์จากการอ่านสนับสนุนได้อย่างสมเหตุสมผล
4. สรุปใจความสำคัญ หมายถึง ความสามารถในการจับใจความสำคัญจากการอ่านที่เหมาะกับระดับชั้นเรียน
5. ข้อคิด หมายถึง ความสามารถในการสรุปแนวคิดและแปลเจตนาของผู้เขียนเรื่องที่อ่าน และเขียนสรุปเรื่องที่อ่านด้วยการใช้ถ้อยคำภาษาของตนเอง
6. นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึง นำข้อมูล เรื่องราว ข้อคิดต่างๆ ไปประยุกต์ใช้ โดยเลือกให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ทั้งในการตัดสินใจ การแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับเหตุการณ์และระดับชั้นเรียน
7. วิเคราะห์ หมายถึง แยกข้อเท็จจริง ความคิดเห็น และส่วนประกอบต่างๆ ในเรื่องที่อ่านได้ถูกต้อง
8. สื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการใช้ถ้อยคำภาษาอย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับระดับชั้นเรียน เพื่อแสดงความรู้ในสิ่งได้อ่านให้คนอื่นเข้าใจตรงตามวัตถุประสงค์
9. ความคิดเห็น หมายถึง ความคิดที่เกิดขึ้นจากข้อความที่อ่าน โดยใช้กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลเหมาะสมกับวัยและพื้นฐานความรู้และประสบการณ์ของนักเรียนแต่ละคน
10. สร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถในการสื่อสารที่แสดงถึงความสามารถด้านภาษาของนักเรียน สมเหตุสมผลและเป็นความคิดที่แปลกใหม่ มีคุณค่า
ความสามารถด้านคำนวณ (Numeracy)
ความสามารถด้านคำนวณ (Numeracy) หมายถึง ความสามารถในการใช้ทักษะการคิดคำนวณ ความคิดรวบยอด และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
คำสำคัญ(Key characteristics)
1. ทักษะการคิดคำนวณ หมายถึง ความสามารถในการบวก การลบ การคูณ และการหาร ได้อย่างถูกต้อง คล่องแคล่ว
2. ความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ หมายถึง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ จำนวนนับ เศษส่วน ทศนิยม และร้อยละ ความยาว ระยะทาง น้ำหนัก พื้นที่ ปริมาตร ความจุ เวลา เงิน ทิศ แผนผัง และขนาดของมุม ชนิดและสมบัติของรูปเรขาคณิต แบบรูปและความสัมพันธ์ แผนภูมิและกราฟ การคาดคะเนการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ต่าง ๆ
3. ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ หมายถึง ความสามารถในการนำความรู้ทางคณิตศาสตร์และเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่หลากหลาย การให้เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ การนำเสนอ การเชื่อมโยงความรู้และการมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ระดับความสามารถชั้นปี ป.3
ความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์โดยเน้นการสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ การแก้ปัญหาโดยวิธีการที่หลากหลาย และการให้เหตุผลในเรื่องจำนวนนับไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์ การเปรียบเทียบและคาดคะเน (ความยาว น้ำหนัก ปริมาตร หรือความจุ) เงิน และเวลา การบอกชนิดของรูปเรขาคณิตสองมิติที่เป็นส่วนประกอบของรูปเรขาคณิตสามมิติ แบบรูปและความสัมพันธ์ การอ่านข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพและแผนภูมิแท่ง และนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
ขอบข่ายการสร้างข้อคำถาม
1. การบวกจำนวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100,000
2. การลบจำนวนที่ตัวตั้งไม่เกิน100,000
3. การคูณจำนวนหนึ่งหลักกับจำนวนไม่เกินสี่หลัก
4. การหารที่ตัวตั้งไม่เกินสี่หลักและตัวหารมีหนึ่งหลัก
5. การบวก ลบ คูณ หารระคน
6. การเปรียบเทียบและคาดคะเนความยาว น้ำหนัก ปริมาตร และความจุ เงิน และ เวลา
7. การอ่านและเขียนบันทึกรายรับรายจ่าย กิจกรรม หรือเหตุการณ์ที่ระบุเวลา
8. การบอกชนิดของรูปเรขาคณิตสองมิติที่เป็น
ส่วนประกอบของ รูปเรขาคณิตสามมิติ
9. แบบรูปของจำนวนที่เพิ่มขึ้นทีละ 3 ทีละ 4 ทีละ 25 ทีละ 50
10. แบบรูปของจำนวนที่ลดลงทีละ 3 ทีละ 4
ทีละ 5 ทีละ 25 ทีละ 50
11. แบบรูปซ้ำ
12. แบบรูปของรูปที่มีรูปร่างขนาด หรือสีที่สัมพันธ์กันสองลักษณะ
13. การอ่านแผนภูมิรูปภาพและแผนภูมิแท่ง
ตัวชี้วัด(KC)
1. สามารถนำการบวก การลบ การคูณ การหารและการบวก ลบ คูณ หารระคน ของจำนวนนับไปใช้ในการแก้ปัญหาโดยวิธีการที่หลากหลาย
2. สามารถนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ภาษา และสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ ในการสื่อสาร การสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง มีการให้เหตุผล การเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆได้อย่างเหมาะสมอดคล้อง กับชีวิตประจำวัน
ความสามารถเชิงเหตุผล (Reasoning Ability)
ความสามารถเชิงเหตุผล (Reasoning Ability) หมายถึง ความสามารถในการเชื่อมโยงความรู้ และประสบการณ์ไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า ข้อมูล/ สถานการณ์/ สารสนเทศที่ให้มา เพื่อการตัดสินใจ โดยมีเหตุผลประกอบอย่างสมเหตุสมผล (บนพื้นฐานของข้อมูล หลักการ เหตุผล ทางวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการดำเนินชีวิต อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม)
คำสำคัญ(Key characteristics)
1. ความรู้ หมายถึง ความสามารถในการจดจำข้อเท็จจริง ทฤษฏี หลักการ ที่ศึกษารวมทั้งคุณธรรมจริยธรรม
2. ประสบการณ์ หมายถึง ความรู้เดิมที่เกิดจากการเรียนรู้ ปฏิบัติ หรือได้พบเห็น เรื่องต่างๆ ในระดับบุคคล สังคม และสังคมโลก
3. วิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการเปรียบเทียบ บอกความต่าง ความเหมือน สรุปหลักการ บอกความสัมพันธ์ เชื่อมโยงอย่างมีเหตุผล บนพื้นฐานของหลักการทางวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการดำเนินชีวิต อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม
4. สังเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการสร้างข้อสรุปใหม่ ออกแบบ คิดสร้างสรรค์ บนพื้นฐานของข้อมูลที่ผ่าน การวิเคราะห์ ประเมินแล้ว อย่างสมเหตุสมผล
5. ประเมินค่า หมายถึง ความสามารถในการตัดสินใจ เลือกทางเลือกอย่างสมเหตุสมผล มีประโยชน์และสร้างสรรค์
6. เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง การนำความรู้ ประสบการณ์ที่เกิดจากการเรียนรู้มาประกอบการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ให้สมเหตุสมผลตามหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
7. เหตุผลทางสังคมศาสตร์ หมายถึง การนำความรู้ ประสบการณ์จากกฎเกณฑ์ ความเชื่อ วัฒนธรรม ค่านิยมทางสังคมศาสตร์มามาประกอบการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างสมเหตุสมผล
8. เหตุผลทางการดำเนินชีวิต หมายถึง การนำความรู้ หลักการ กฎเกณฑ์ มาใช้ในการดำรงชีวิต หรือประกอบการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม
ระดับความสามารถชั้นปี ป.3
ความสามารถเชื่อมโยงความรู้ และประสบการณ์ เพื่อให้เหตุผล ในการเปรียบเทียบ จัดกลุ่ม วางแผน เลือกแนวทาง หรือแก้ปัญหาอย่างสมเหตุสมผลและสร้างสรรค์ (บนพื้นฐานของข้อมูล หลักการ เหตุผล ทางวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการดำเนินชีวิต อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม)
ขอบข่ายสิ่งเร้า/สาระการเรียนรู้
- การจัดการอารมณ์และความเครียดของตนเอง
- การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
- ความปลอดภัยในชีวิต
- การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเอง
- บุคลิกภาพ
- ปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว
- การสร้างสัมพันธภาพที่ดี
- วิถีประชาธิปไตย
- ศาสนาที่ตนเองนับถือ
- การอยู่ร่วมกันในความหลากหลายของ ศาสนา
- มารยาทไทย ภาษา การแต่งกาย
- มรรยาทชาวพุทธและศาสนาที่ตนนับถือ
- วัฒนธรรมที่ส่งผลต่อพฤติกรรมด้านภาษา การแต่งกาย และทักษะทางสังคม
- ปัญหาสังคมที่ส่งผลต่อการอยู่ร่วมกัน
- ปัญหาที่มีผลกระทบต่อร่างกาย อารมณ์
- ปัญหาที่มีผลกระทบต่อสังคมชุมชน ประเทศชาติ
- เศรษฐกิจพอเพียง (การใช้จ่าย การออม การเลือก การใช้สินค้า บริการ อย่าง เหมาะสม)
- วิถีทางที่ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีด้านการ ใช้ทรัพยากร ด้านการปฏิบัติตน ด้านการใช้จ่าย
- ลำดับเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อวิถีชีวิต (การเลือกตั้งในท้องถิ่น)
- ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมีผลต่อ การผลิต การบริโภคและการบริการ ในครอบครัว
- ความเหมือน ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี
- วัฒนธรรมที่ส่งผลต่อพฤติกรรมด้านสังคม
- เห็นคุณค่าและยอมรับความหลากหลาย ทางวัฒนธรรม
- ผลการแข่งขันทางการค้าเสรี
- การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- ลมฟ้าอากาศ
- ธรณีพิบัติภัย
- ทรัพยากรธรรมชาติ
- สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต
- การขยายพันธุ์พืชและสัตว์
- พันธุกรรม
- วัสดุ แรง เสียง
- ทิศ
- ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
- กลางวัน กลางคืน
- การพึ่งพาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ในการดำรงชีวิต
- ความแตกต่างของเมืองและชนบท
- มลพิษที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
- การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมจากอดีตถึงปัจจุบัน
- การดำรงชีวิตในยุคเทคโนโลยี
- การผลิตและการใช้ไฟฟ้า
คำสำคัญ(KC)
เปรียบเทียบ จัดกลุ่ม วางแผน เลือกแนวทาง หรือแก้ปัญหา
ประเด็นสำหรับการประเมิน
บอกเหตุผลในการเปรียบเทียบ
จัดกลุ่ม วางแผน เลือกแนวทาง หรือแก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้อง สมเหตุสมผล
คำสำคัญ(Key characteristics)
1. ความสามารถในการอ่าน หมายถึง พฤติกรรมการรู้ ความเข้าใจ การสรุปสาระสำคัญ การวิเคราะห์ และการประเมินได้
2. รู้ หมายถึง ความสามารถบอกความหมาย เรื่องราว ข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ต่างๆ
3. เข้าใจ หมายถึง ความสามารถในการแปลความ ตีความ ขยายความ และสรุปอ้างอิง
4. สรุปสาระสำคัญ หมายถึง ความสามารถในการสรุปใจความสำคัญของเนื้อเรื่องได้อย่างสั้น ๆ กระชับ และครอบคลุม
5. วิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการแยกแยะเรื่องราว ข้อเท็จจริง เหตุผล ข้อคิดเห็น คุณค่า และส่วนประกอบอื่น ๆ
6. ประเมิน หมายถึง ความสามารถในการตัดสินความถูกต้อง ความชัดเจน ความเหมาะสม คุณค่า ตามเกณฑ์ที่กำหนด
7. สื่อประเภทต่างๆ หมายถึง สิ่งที่นำเสนอเรื่องราวและข้อมูลต่างๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ทั้งที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนำเสนอข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน นิทาน เรื่องเล่าสั้น ๆ บทเพลง บทร้อยกรอง และสาระความรู้จากบทเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ
8. เลือกอ่านตามวัตถุประสงค์ หมายถึง สามารถพิจารณา กลั่นกรอง คัดสรรสิ่งที่จะอ่าน ตามจุดมุ่งหมาย
9. นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึง สามารถเลือกนำความรู้ ความเข้าใจ สาระสำคัญ ความคิด และข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์และประเมิน ไปใช้เป็นประโยชน์ใน การแก้ไขปัญหา การตัดสินใจ หรือตามจุดมุ่งหมายอันเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
10. การศึกษาตลอดชีวิต หมายถึง การใช้ความสามารถในการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
11. สื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ และความคิด จากการอ่าน โดยการบอกเล่าหรือเขียน อธิบาย วิเคราะห์ หรือประเมิน
12. สร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถในการแสดงความรู้และความคิดใหม่จากการอ่าน เป็นภาษาเขียนที่ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษา
ระดับความสามารถชั้นปี ป.3
สามารถอธิบายความหมายจากเรื่องที่อ่านในสื่อประเภทต่างๆ คาดคะเนเหตุการณ์ เขียนสรุปเรื่องราว และข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน วิเคราะห์ และสื่อสารแสดงความคิดเห็นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสร้างสรรค์
ตัวชี้วัด
๑. อธิบายความหมายจากเรื่องที่อ่าน
๒. คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อาน
๓. สรุปเรื่องราวและข้อคิดจากเรื่องที่อ่าน
๔. วิเคราะห์เรื่องที่อ่านได้อย่างถูกต้อง
๕. นำข้อคิดที่ได้จากเรื่องที่อ่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน
6. สื่อสารความคิดเห็นจากเรื่องที่อ่านอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์
คำสำคัญ(KC)
1. อธิบายความหมายจากเรื่องที่อ่าน หมายถึง ความสามารถในการขยาย เพิ่มเติมความรู้ หรือข้อคิดเห็นที่ได้จากการอ่านเรื่องที่เหมาะกับระดับชั้นเรียนและตามความสนใจของนักเรียน โดยการตอบคำถามด้วยการเขียนหรือด้วยวิธีการสื่อสารอื่นๆ ได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
2. สื่อประเภทต่างๆ หมายถึง สิ่งที่นำเสนอเรื่องราวและข้อมูลต่างๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ทั้งที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนำเสนอข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน นิทาน เรื่องเล่าสั้น ๆ บทเพลง บทร้อยกรอง และสาระความรู้จากบทเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ
3. คาดคะเนเหตุการณ์ หมายถึง ความสามารถในการคิดคาดเหตุการณ์ เวลา ทิศทาง และผลที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้ความรู้ ประสบการณ์จากการอ่านสนับสนุนได้อย่างสมเหตุสมผล
4. สรุปใจความสำคัญ หมายถึง ความสามารถในการจับใจความสำคัญจากการอ่านที่เหมาะกับระดับชั้นเรียน
5. ข้อคิด หมายถึง ความสามารถในการสรุปแนวคิดและแปลเจตนาของผู้เขียนเรื่องที่อ่าน และเขียนสรุปเรื่องที่อ่านด้วยการใช้ถ้อยคำภาษาของตนเอง
6. นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึง นำข้อมูล เรื่องราว ข้อคิดต่างๆ ไปประยุกต์ใช้ โดยเลือกให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ทั้งในการตัดสินใจ การแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับเหตุการณ์และระดับชั้นเรียน
7. วิเคราะห์ หมายถึง แยกข้อเท็จจริง ความคิดเห็น และส่วนประกอบต่างๆ ในเรื่องที่อ่านได้ถูกต้อง
8. สื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการใช้ถ้อยคำภาษาอย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับระดับชั้นเรียน เพื่อแสดงความรู้ในสิ่งได้อ่านให้คนอื่นเข้าใจตรงตามวัตถุประสงค์
9. ความคิดเห็น หมายถึง ความคิดที่เกิดขึ้นจากข้อความที่อ่าน โดยใช้กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลเหมาะสมกับวัยและพื้นฐานความรู้และประสบการณ์ของนักเรียนแต่ละคน
10. สร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถในการสื่อสารที่แสดงถึงความสามารถด้านภาษาของนักเรียน สมเหตุสมผลและเป็นความคิดที่แปลกใหม่ มีคุณค่า
ความสามารถด้านคำนวณ (Numeracy)
ความสามารถด้านคำนวณ (Numeracy) หมายถึง ความสามารถในการใช้ทักษะการคิดคำนวณ ความคิดรวบยอด และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
คำสำคัญ(Key characteristics)
1. ทักษะการคิดคำนวณ หมายถึง ความสามารถในการบวก การลบ การคูณ และการหาร ได้อย่างถูกต้อง คล่องแคล่ว
2. ความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ หมายถึง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ จำนวนนับ เศษส่วน ทศนิยม และร้อยละ ความยาว ระยะทาง น้ำหนัก พื้นที่ ปริมาตร ความจุ เวลา เงิน ทิศ แผนผัง และขนาดของมุม ชนิดและสมบัติของรูปเรขาคณิต แบบรูปและความสัมพันธ์ แผนภูมิและกราฟ การคาดคะเนการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ต่าง ๆ
3. ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ หมายถึง ความสามารถในการนำความรู้ทางคณิตศาสตร์และเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่หลากหลาย การให้เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ การนำเสนอ การเชื่อมโยงความรู้และการมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ระดับความสามารถชั้นปี ป.3
ความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์โดยเน้นการสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ การแก้ปัญหาโดยวิธีการที่หลากหลาย และการให้เหตุผลในเรื่องจำนวนนับไม่เกินหนึ่งแสนและศูนย์ การเปรียบเทียบและคาดคะเน (ความยาว น้ำหนัก ปริมาตร หรือความจุ) เงิน และเวลา การบอกชนิดของรูปเรขาคณิตสองมิติที่เป็นส่วนประกอบของรูปเรขาคณิตสามมิติ แบบรูปและความสัมพันธ์ การอ่านข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพและแผนภูมิแท่ง และนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
ขอบข่ายการสร้างข้อคำถาม
1. การบวกจำนวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100,000
2. การลบจำนวนที่ตัวตั้งไม่เกิน100,000
3. การคูณจำนวนหนึ่งหลักกับจำนวนไม่เกินสี่หลัก
4. การหารที่ตัวตั้งไม่เกินสี่หลักและตัวหารมีหนึ่งหลัก
5. การบวก ลบ คูณ หารระคน
6. การเปรียบเทียบและคาดคะเนความยาว น้ำหนัก ปริมาตร และความจุ เงิน และ เวลา
7. การอ่านและเขียนบันทึกรายรับรายจ่าย กิจกรรม หรือเหตุการณ์ที่ระบุเวลา
8. การบอกชนิดของรูปเรขาคณิตสองมิติที่เป็น
ส่วนประกอบของ รูปเรขาคณิตสามมิติ
9. แบบรูปของจำนวนที่เพิ่มขึ้นทีละ 3 ทีละ 4 ทีละ 25 ทีละ 50
10. แบบรูปของจำนวนที่ลดลงทีละ 3 ทีละ 4
ทีละ 5 ทีละ 25 ทีละ 50
11. แบบรูปซ้ำ
12. แบบรูปของรูปที่มีรูปร่างขนาด หรือสีที่สัมพันธ์กันสองลักษณะ
13. การอ่านแผนภูมิรูปภาพและแผนภูมิแท่ง
ตัวชี้วัด(KC)
1. สามารถนำการบวก การลบ การคูณ การหารและการบวก ลบ คูณ หารระคน ของจำนวนนับไปใช้ในการแก้ปัญหาโดยวิธีการที่หลากหลาย
2. สามารถนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ภาษา และสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ ในการสื่อสาร การสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง มีการให้เหตุผล การเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆได้อย่างเหมาะสมอดคล้อง กับชีวิตประจำวัน
ความสามารถเชิงเหตุผล (Reasoning Ability)
ความสามารถเชิงเหตุผล (Reasoning Ability) หมายถึง ความสามารถในการเชื่อมโยงความรู้ และประสบการณ์ไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า ข้อมูล/ สถานการณ์/ สารสนเทศที่ให้มา เพื่อการตัดสินใจ โดยมีเหตุผลประกอบอย่างสมเหตุสมผล (บนพื้นฐานของข้อมูล หลักการ เหตุผล ทางวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการดำเนินชีวิต อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม)
คำสำคัญ(Key characteristics)
1. ความรู้ หมายถึง ความสามารถในการจดจำข้อเท็จจริง ทฤษฏี หลักการ ที่ศึกษารวมทั้งคุณธรรมจริยธรรม
2. ประสบการณ์ หมายถึง ความรู้เดิมที่เกิดจากการเรียนรู้ ปฏิบัติ หรือได้พบเห็น เรื่องต่างๆ ในระดับบุคคล สังคม และสังคมโลก
3. วิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการเปรียบเทียบ บอกความต่าง ความเหมือน สรุปหลักการ บอกความสัมพันธ์ เชื่อมโยงอย่างมีเหตุผล บนพื้นฐานของหลักการทางวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการดำเนินชีวิต อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม
4. สังเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการสร้างข้อสรุปใหม่ ออกแบบ คิดสร้างสรรค์ บนพื้นฐานของข้อมูลที่ผ่าน การวิเคราะห์ ประเมินแล้ว อย่างสมเหตุสมผล
5. ประเมินค่า หมายถึง ความสามารถในการตัดสินใจ เลือกทางเลือกอย่างสมเหตุสมผล มีประโยชน์และสร้างสรรค์
6. เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง การนำความรู้ ประสบการณ์ที่เกิดจากการเรียนรู้มาประกอบการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ให้สมเหตุสมผลตามหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
7. เหตุผลทางสังคมศาสตร์ หมายถึง การนำความรู้ ประสบการณ์จากกฎเกณฑ์ ความเชื่อ วัฒนธรรม ค่านิยมทางสังคมศาสตร์มามาประกอบการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างสมเหตุสมผล
8. เหตุผลทางการดำเนินชีวิต หมายถึง การนำความรู้ หลักการ กฎเกณฑ์ มาใช้ในการดำรงชีวิต หรือประกอบการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม
ระดับความสามารถชั้นปี ป.3
ความสามารถเชื่อมโยงความรู้ และประสบการณ์ เพื่อให้เหตุผล ในการเปรียบเทียบ จัดกลุ่ม วางแผน เลือกแนวทาง หรือแก้ปัญหาอย่างสมเหตุสมผลและสร้างสรรค์ (บนพื้นฐานของข้อมูล หลักการ เหตุผล ทางวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการดำเนินชีวิต อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม)
ขอบข่ายสิ่งเร้า/สาระการเรียนรู้
- การจัดการอารมณ์และความเครียดของตนเอง
- การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
- ความปลอดภัยในชีวิต
- การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเอง
- บุคลิกภาพ
- ปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว
- การสร้างสัมพันธภาพที่ดี
- วิถีประชาธิปไตย
- ศาสนาที่ตนเองนับถือ
- การอยู่ร่วมกันในความหลากหลายของ ศาสนา
- มารยาทไทย ภาษา การแต่งกาย
- มรรยาทชาวพุทธและศาสนาที่ตนนับถือ
- วัฒนธรรมที่ส่งผลต่อพฤติกรรมด้านภาษา การแต่งกาย และทักษะทางสังคม
- ปัญหาสังคมที่ส่งผลต่อการอยู่ร่วมกัน
- ปัญหาที่มีผลกระทบต่อร่างกาย อารมณ์
- ปัญหาที่มีผลกระทบต่อสังคมชุมชน ประเทศชาติ
- เศรษฐกิจพอเพียง (การใช้จ่าย การออม การเลือก การใช้สินค้า บริการ อย่าง เหมาะสม)
- วิถีทางที่ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีด้านการ ใช้ทรัพยากร ด้านการปฏิบัติตน ด้านการใช้จ่าย
- ลำดับเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อวิถีชีวิต (การเลือกตั้งในท้องถิ่น)
- ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมีผลต่อ การผลิต การบริโภคและการบริการ ในครอบครัว
- ความเหมือน ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี
- วัฒนธรรมที่ส่งผลต่อพฤติกรรมด้านสังคม
- เห็นคุณค่าและยอมรับความหลากหลาย ทางวัฒนธรรม
- ผลการแข่งขันทางการค้าเสรี
- การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- ลมฟ้าอากาศ
- ธรณีพิบัติภัย
- ทรัพยากรธรรมชาติ
- สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต
- การขยายพันธุ์พืชและสัตว์
- พันธุกรรม
- วัสดุ แรง เสียง
- ทิศ
- ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
- กลางวัน กลางคืน
- การพึ่งพาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ในการดำรงชีวิต
- ความแตกต่างของเมืองและชนบท
- มลพิษที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
- การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมจากอดีตถึงปัจจุบัน
- การดำรงชีวิตในยุคเทคโนโลยี
- การผลิตและการใช้ไฟฟ้า
คำสำคัญ(KC)
เปรียบเทียบ จัดกลุ่ม วางแผน เลือกแนวทาง หรือแก้ปัญหา
ประเด็นสำหรับการประเมิน
บอกเหตุผลในการเปรียบเทียบ
จัดกลุ่ม วางแผน เลือกแนวทาง หรือแก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้อง สมเหตุสมผล
แนวปฏิบัติการจัดสอบ
ให้มีกรรมการกำกับห้องสอบห้องละ 2 คน ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการปฏิบัติของผู้กำกับการสอบ พ.ศ. 2548 อย่างเคร่งครัด การจัดห้องสอบ ให้จัดห้องสอบมีที่นั่งสอบไม่เกิน 35 คนต่อห้อง ในกรณีที่โรงเรียนมีห้องเรียนห้องเดียวและมีนักเรียนเกิน 35 คน แต่ไม่เกิน 40 คน
ประกาศรายชื่อนักเรียนและแผนผังที่นั่งสอบติดที่หน้าห้องสอบทุกห้อง พร้อมข้อมูลรายละเอียดของนักเรียนแต่ละคนที่ต้องระบายในกระดาษคำตอบ เช่น รหัสโรงเรียน รหัสประจำตัวประชาชนของนักเรียน 13 หลัก จัดเตรียมดินสอ 2B และยางลบให้นักเรียน หรือกำชับนักเรียนให้เตรียมติดตัวมาในวันสอบ ดำเนินการสอบตามลำดับขั้นตอนดังนี้
1) ให้กรรมการกำกับห้องสอบ ดำเนินการสอบตามเวลาที่กำหนดในตารางสอบ ก่อนเวลาเริ่มการสอบ ให้เปิดซองบรรจุแบบประเมินความสามารถแต่ละด้าน และกระดาษคำตอบ ก่อนเปิดให้ตรวจสอบความเรียบร้อยของซองบรรจุ (หากพบความผิดปกติให้รีบแจ้ง และบันทึกเหตุการณ์ต่อประธานสนามสอบเพื่อแจ้งศูนย์ประสานการสอบ) โดยเรียกตัวแทนนักเรียนที่เข้าสอบเป็นพยาน และลงลายมือชื่อความเรียบร้อยของซองบรรจุ จึงให้กรรมการกำกับห้องสอบแจกกระดาษคำตอบและแบบประเมิน ฯ โดยคว่ำหน้าแบบประเมิน ฯ ไว้บนโต๊ะที่นั่งสอบของนักเรียนจนครบ
2) ให้กรรมการกำกับห้องสอบ อธิบายการกรอกรหัสรายการต่างๆ ที่ด้านหน้ากระดาษคำตอบและชี้แจงวิธีการเขียนหรือระบายรหัสลงในช่อง ตรงกับตัวเลขรหัสที่กรอกไว้
3) ให้นักเรียนเปิดแบบประเมิน ฯ พร้อมกัน
4) ให้กรรมการกำกับห้องสอบย้ำเรื่องเวลาที่ใช้ในการสอบ
5) ในขณะที่นักเรียนกำลังทำข้อสอบ ให้กรรมการกำกับห้องสอบตรวจความเรียบร้อย และป้องกันการทุจริต โดยยืนที่มุมใดมุมหนึ่งภายในห้อง ในกรณีที่มีผู้สงสัยให้ยกมือขึ้น เพื่อที่กรรมการกำกับห้องสอบจะได้อธิบายข้อสงสัยเป็นรายบุคคลด้วยเสียงเบา ๆ หรือถ้าข้อสงสัยนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องแจ้งให้นักเรียนทราบทั้งห้อง ให้เขียนบนกระดาน (กรรมการกำกับห้องสอบตอบข้อสงสัยเฉพาะกรณีที่ข้อสอบพิมพ์ไม่ชัดเจน หรือมีข้อบกพร่องอื่น ๆ เช่นข้อความหายไปเนื่องจากการพิมพ์บกพร่อง)
6) การเตือนเวลาการสอบในแต่ละฉบับ ให้ดำเนินการเป็นระยะ ๆ คือ ครึ่งเวลาที่กำหนดให้ และเมื่อเหลือเวลาอีก 5 นาที ควรเตือนอีกครั้งหนึ่ง
7) ในกรณีที่มีผู้ทำเสร็จก่อนเวลาในแต่ละฉบับ(ไม่น้อยกว่า 30 นาที) ให้วางแบบประเมิน ฯ และกระดาษคำตอบไว้ที่โต๊ะที่นั่งสอบ โดยปิดแบบประเมิน ฯ และสอดกระดาษคำตอบไว้ โดยให้หัวกระดาษยื่นออกมาพอประมาณเพื่อความสะดวกในการเก็บรวบรวม แล้วให้วางแบบประเมิน ฯ พร้อมกระดาษคำตอบไว้ที่โต๊ะนั่งสอบของแต่ละคน ก่อนออกจากห้องสอบ เตือนไม่ให้นำแบบทดสอบหรือกระดาษคำตอบ ออกนอกห้องสอบโดยเด็ดขาด และให้ออกจากห้องสอบได้ เพื่อเตรียมสอบในฉบับต่อไป
8) กรรมการกำกับห้องสอบเก็บแบบทดสอบและกระดาษคำตอบ จากโต๊ะที่นั่งสอบของนักเรียนทุกคน นำกระดาษคำตอบมาเรียงตามเลขที่นั่งสอบ จัดบรรจุซอง นำส่งกองกลางตรวจสอบจำนวนให้ถูกต้อง ปิดผนึกพร้อมลงชื่อกำกับให้เรียบร้อย เพื่อรวบรวมนำส่งศูนย์ประสานการสอบต่อไป
หมายเหตุ กรณีขาดสอบ ไม่ต้องแทรกกระดาษคำตอบ/กระดาษเปล่า
ให้มีกรรมการกำกับห้องสอบห้องละ 2 คน ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการปฏิบัติของผู้กำกับการสอบ พ.ศ. 2548 อย่างเคร่งครัด การจัดห้องสอบ ให้จัดห้องสอบมีที่นั่งสอบไม่เกิน 35 คนต่อห้อง ในกรณีที่โรงเรียนมีห้องเรียนห้องเดียวและมีนักเรียนเกิน 35 คน แต่ไม่เกิน 40 คน
ประกาศรายชื่อนักเรียนและแผนผังที่นั่งสอบติดที่หน้าห้องสอบทุกห้อง พร้อมข้อมูลรายละเอียดของนักเรียนแต่ละคนที่ต้องระบายในกระดาษคำตอบ เช่น รหัสโรงเรียน รหัสประจำตัวประชาชนของนักเรียน 13 หลัก จัดเตรียมดินสอ 2B และยางลบให้นักเรียน หรือกำชับนักเรียนให้เตรียมติดตัวมาในวันสอบ ดำเนินการสอบตามลำดับขั้นตอนดังนี้
1) ให้กรรมการกำกับห้องสอบ ดำเนินการสอบตามเวลาที่กำหนดในตารางสอบ ก่อนเวลาเริ่มการสอบ ให้เปิดซองบรรจุแบบประเมินความสามารถแต่ละด้าน และกระดาษคำตอบ ก่อนเปิดให้ตรวจสอบความเรียบร้อยของซองบรรจุ (หากพบความผิดปกติให้รีบแจ้ง และบันทึกเหตุการณ์ต่อประธานสนามสอบเพื่อแจ้งศูนย์ประสานการสอบ) โดยเรียกตัวแทนนักเรียนที่เข้าสอบเป็นพยาน และลงลายมือชื่อความเรียบร้อยของซองบรรจุ จึงให้กรรมการกำกับห้องสอบแจกกระดาษคำตอบและแบบประเมิน ฯ โดยคว่ำหน้าแบบประเมิน ฯ ไว้บนโต๊ะที่นั่งสอบของนักเรียนจนครบ
2) ให้กรรมการกำกับห้องสอบ อธิบายการกรอกรหัสรายการต่างๆ ที่ด้านหน้ากระดาษคำตอบและชี้แจงวิธีการเขียนหรือระบายรหัสลงในช่อง ตรงกับตัวเลขรหัสที่กรอกไว้
3) ให้นักเรียนเปิดแบบประเมิน ฯ พร้อมกัน
4) ให้กรรมการกำกับห้องสอบย้ำเรื่องเวลาที่ใช้ในการสอบ
5) ในขณะที่นักเรียนกำลังทำข้อสอบ ให้กรรมการกำกับห้องสอบตรวจความเรียบร้อย และป้องกันการทุจริต โดยยืนที่มุมใดมุมหนึ่งภายในห้อง ในกรณีที่มีผู้สงสัยให้ยกมือขึ้น เพื่อที่กรรมการกำกับห้องสอบจะได้อธิบายข้อสงสัยเป็นรายบุคคลด้วยเสียงเบา ๆ หรือถ้าข้อสงสัยนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องแจ้งให้นักเรียนทราบทั้งห้อง ให้เขียนบนกระดาน (กรรมการกำกับห้องสอบตอบข้อสงสัยเฉพาะกรณีที่ข้อสอบพิมพ์ไม่ชัดเจน หรือมีข้อบกพร่องอื่น ๆ เช่นข้อความหายไปเนื่องจากการพิมพ์บกพร่อง)
6) การเตือนเวลาการสอบในแต่ละฉบับ ให้ดำเนินการเป็นระยะ ๆ คือ ครึ่งเวลาที่กำหนดให้ และเมื่อเหลือเวลาอีก 5 นาที ควรเตือนอีกครั้งหนึ่ง
7) ในกรณีที่มีผู้ทำเสร็จก่อนเวลาในแต่ละฉบับ(ไม่น้อยกว่า 30 นาที) ให้วางแบบประเมิน ฯ และกระดาษคำตอบไว้ที่โต๊ะที่นั่งสอบ โดยปิดแบบประเมิน ฯ และสอดกระดาษคำตอบไว้ โดยให้หัวกระดาษยื่นออกมาพอประมาณเพื่อความสะดวกในการเก็บรวบรวม แล้วให้วางแบบประเมิน ฯ พร้อมกระดาษคำตอบไว้ที่โต๊ะนั่งสอบของแต่ละคน ก่อนออกจากห้องสอบ เตือนไม่ให้นำแบบทดสอบหรือกระดาษคำตอบ ออกนอกห้องสอบโดยเด็ดขาด และให้ออกจากห้องสอบได้ เพื่อเตรียมสอบในฉบับต่อไป
8) กรรมการกำกับห้องสอบเก็บแบบทดสอบและกระดาษคำตอบ จากโต๊ะที่นั่งสอบของนักเรียนทุกคน นำกระดาษคำตอบมาเรียงตามเลขที่นั่งสอบ จัดบรรจุซอง นำส่งกองกลางตรวจสอบจำนวนให้ถูกต้อง ปิดผนึกพร้อมลงชื่อกำกับให้เรียบร้อย เพื่อรวบรวมนำส่งศูนย์ประสานการสอบต่อไป
หมายเหตุ กรณีขาดสอบ ไม่ต้องแทรกกระดาษคำตอบ/กระดาษเปล่า